เมนูสำหรับสมาร์ทโฟน เปิดบทความของเว็บบล็อกช่างยนต์ |
เครื่องยนต์ Toyota, Honda, Isuzu และ Nissan ในศูนย์บริการรถยนต์ |
เครื่องยนต์ Mitsubishi, Mazda, Ford และ MG ในศูนย์บริการรถยนต์ |
ระบบวินิจฉัยข้อบกพร่องตัวเอง
(Self
Diagnosis System)
ระบบที่นับว่าจำเป็นมากของเครื่องยนต์ระบบฉีดเชื้อเพลิงแก๊สโซลีนควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์คือระบบวินิจฉัยข้อบกพร่องตัวเองซึ่งจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อการวินิจฉัยข้อบกพร่องของเครื่องยนต์
โดยบริษัทต่างๆ มีวิธีการวิเคราะห์ข้อบกพร่องแตกต่างกัน
โดยในที่นี้จะไม่กล่าวถึงเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอ่านรหัสความบกพร่อง
ในปัจจุบันนี้ทุกบริษัทได้ออกแบบ ECU
ให้มีระบบวินิจฉัยข้อบกพร่องตัวเอง (Self Diagnosis System) โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น
2 วิธี คือ
1.
วิธีแสดงผลด้วยเครื่องอ่านรหัส วิธีนี้มีชื่อเรียกเฉพาะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบริษัทซึ่งจะขอยกตัวอย่างชื่อเฉพาะของเครื่องตรวจสอบข้อบกพร่องตามมาตรฐานของ
ISO15031-4
เกี่ยวกับการแสดงผลของกลุ่มประเทศยุโรป (E–OBD) ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เรียกชื่ออุปกรณ์นี้ว่า
เครื่องอ่านรหัสข้อบกพร่อง (OBD Scan Tool) (OBD คือ On–Board
Diagnosis) แต่รถยนต์ญี่ปุ่นอาจใช้ชื่อเรียกอื่นๆ เช่นโตโยต้าเรียกว่า
Hand–Held Tester (เครื่องตรวจสอบมือถือ) นิสสันเรียกว่า Consult (คอนซัลต์ในที่นี้หมายถึงเครื่องช่วยตรวจสอบ) มิตซูบิชิเรียกว่า MUT (Multi Use Tester) อีซูซุเรียกว่า Tech. 3
เครื่องตรวจสอบข้อบกพร่องรุ่นใหม่ในปัจจุบันของเครื่องยนต์มิได้มีหน้าที่เพียงแค่อ่านหรือแปรรหัสข้อบกพร่องเท่านั้น
ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับ ECU เพื่อทดสอบการทำงานของตัวกระตุ้น
(Actuator) บางตัวโดยไม่ต้องรอให้ถึงการทำงานในสภาวะปกติที่ตัวกระตุ้นนั้นต้องทำงาน
ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงเครื่องตรวจสอบข้อบกพร่องด้วยเครื่องอ่านรหัส
2.
วิธีแสดงผลด้วยการกระพริบของหลอดไฟ หรือการแกว่งของเข็มโวลต์มิเตอร์
ลำดับต่อไปนี้จะได้ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ข้อบกพร่องด้วยวิธีของบริษัทต่างๆ
ด้วยวิธีนี้
ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงการแกว่งของเข็มโวลต์มิเตอร์จากการวัดค่าแรงเคลื่อนที่ขั้ว
VF
ระบบวินิจฉัยข้อบกพร่องตัวเองของ
TCCS (โตโยต้า) ด้วยการกระพริบของหลอดไฟ
รถยนต์ญี่ปุ่น โตโยต้าเป็นบริษัทแรกที่ได้นำระบบวิเคราะห์ข้อขัดข้องใช้กับการวิเคราะห์ปัญหาด้วยหลอดไฟเตือนการตรวจสอบเครื่องยนต์
(Check
Engine Warring Lamp) หรืออาจเรียกสั้น ๆ
ว่าหลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์ (Check Engine Lamp) ที่มาตรวัดรวมบนแผงหน้าปัด
หลอดไฟนี้จะติดขณะที่เปิดสวิตช์จุดระเบิดในตำแหน่ง ON และจะดับไปเมื่อเครื่องยนต์มีความเร็วรอบเกิน
500 rpm แต่ถ้ามีปัญหาข้อบกพร่องที่สำคัญหลอดไฟนี้จะติดขึ้นใหม่เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์
โหมดการวินิจฉัยข้อบกพร่องของ TCCS มี
2 โหมด (Mode) คือ
1. โหมดธรรมดา (Normal Mode) เป็นโหมดการตรวจสอบที่วินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบในช่วงเวลาที่ไม่สั้นเกินไป
เช่นสัญญาณ NE หายไป 1 คลื่นจะตรวจไม่พบ
แต่จะตรวจพบเมื่อ NE หายไป 3 – 4 คลื่นขึ้นไป
การวินิจฉัยข้อบกพร่องกระทำได้ต่อไปนี้
1)
เปิดสวิตช์จุดระเบิดในตำแหน่ง ON
2)
ลัดวงจรขั้ว TE1 (รุ่นแรกๆ เรียกว่าขั้ว
T) เข้ากับขั้ว E1 ที่ขั้ววินิจฉัยข้อบกพร่องตามรูปที่ 1
3)
อ่านรหัส จากการกระพริบของหลอดไฟที่หน้าปัด
2. โหมดทดสอบ (Test Mode) เป็นโหมดสำหรับการตรวจสอบที่ต้องการวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากๆ
ซึ่งมีความไวในการตอบสนองต่อสัญญาณที่ผิดปกติสูงกว่าโหมดธรรมดา
สามารถกระทำได้ดังต่อไปนี้
1) ลัดวงจรขั้วตรวจสอบ TE2 เข้ากับ E1 (ในขณะที่สวิตช์จุดระเบิดอยู่ตำแหน่ง OFF)
2) เปิดสวิตช์จุดระเบิดตำแหน่ง ON
(หลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์จะกระพริบถี่)
3) สตาร์ตเครื่องยนต์
(ถ้าไม่มีปัญหาหลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์จะดับ) แล้วขับรถทดสอบด้วยความเร็ว 10
km/h ขึ้นไป ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ECU ตรวจพบ
เช่นสัญญาณ NE หายไป 1 คลื่น
หลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์จะติดขึ้น (ไม่กระพริบ) (ถ้าเป็นโหมดธรรมดาจะตรวจพบเมื่อ NE หายไป 3 –
4 คลื่นขึ้นไป)
4) ถ้าพบเห็นว่าหลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์ติดขึ้นห้ามปิดสวิตช์จุดระเบิด
จากนั้นจึงหยุดรถยนต์เข้าเกียร์ว่าง
(ก่อนลงจากรถยนต์โปรดระวังและป้องกันรถยนต์ไหลด้วย) แล้วจึงลัดวงจรขั้ว TE1
เข้ากับ E1 หลอดไฟตรวจสอบเครื่องยนต์จะกระพริบเป็นรหัส
รูปที่ 1 ลัดวงจรขั้ว TE1 (รุ่นแรกๆ เรียกว่าขั้ว T) เข้ากับขั้ว E1
รูปที่ 2 อ่านรหัสจากการกระพริบของหลอดไฟที่หน้าปัด ในรูปแสดงรหัสปกติ
ตารางที่ 1 สรุปรหัสข้อบกพร่อง
TCCS
ของโตโยต้า (เฉพาะที่จำเป็น)
(ข้อแนะนำในดูการกระพริบของหลอดไฟที่ผู้เขียนได้แสดงเป็นรูปภาพเคลื่อนไหวในตารางด้านล่างนี้ ควรใช้กระดาษปิดรูปภาพที่ยังไม่ต้องการอ่านรหัส)
(ข้อแนะนำในดูการกระพริบของหลอดไฟที่ผู้เขียนได้แสดงเป็นรูปภาพเคลื่อนไหวในตารางด้านล่างนี้ ควรใช้กระดาษปิดรูปภาพที่ยังไม่ต้องการอ่านรหัส)
รูปการกระพริบ
|
รหัส 2 ตัวเลข
|
ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น
|
กระพริบถี่
|
ปกติ | |
|
11
|
วงจรไฟฟ้ากำลัง (+B) |
12
|
สัญญาณความเร็วรอบ (NE,G) ตัวรับรู้มุมเพลาลูกเบี้ยว (G) |
|
13
|
สัญญาณความเร็วรอบ (NE,G) ตัวรับรู้มุมเพลาข้อเหวี่ยง (NE) |
|
14
|
สัญญาณการจุดระเบิด (IGT, IGF) |
|
21
|
วงจรตัวรับรู้ออกซิเจน (OX, HT) ก่อนเข้า TWC ตัวที่ 1 |
|
22
|
สัญญาณอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (THW) |
|
24
| สัญญาณอุณหภูมิอากาศ (THA) |
|
31
|
สำหรับ EFI แบบ L คือ มาตรวัดการไหลอากาศ (VS, VG, KS) สำหรับ EFI แบบ D คือ ตัวรับรู้ความดันในท่อร่วมไอดี (PIM) |
|
34
|
ความดันตัวอัดบรรจุอากาศเทอร์โบ (PIM) |
|
41
|
สัญญาณตัวรับรู้ตำแหน่งลิ้นเร่ง (VTA) |
|
42
|
สัญญาณความเร็วรถยนต์ (SPD, SP1, SP2) |
|
43
|
สัญญาณสตาร์ต (STA) |
|
51
|
สัญญาณ (เตือน) สวิตช์ต่าง ๆ (IDL, A/C, NSW) สัญญาณนี้ไม่บันทึกในความจำ |
|
52
|
สัญญาณการน็อก (KNK) (ตัวที่1) (KNK1) |
รูปตัวอย่างกรณีรหัสข้อบกพร่อง 5 รหัส
เช่นรหัส 12- 24 - 31 - 42 - 51
วิธีการลบรหัสข้อบกพร่องของ TCCS
เมื่อแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องแล้ว ถ้าต้องการลบรหัสข้อบกพร่องสามารถทำได้โดยการปิดสวิตช์จุดระเบิด (OFF) แล้วถอดฟิวส์ EFI ซึ่งเป็นไฟฟ้าเลี้ยงหน่วยความจำ (ไฟฟ้าเลี้ยงขั้ว BATT) เป็นเวลา 10 วินาที หรือมากกว่าถ้าอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นต่ำ อนึ่งโดยทั่วไปแล้วฟิวส์ไฟฟ้าที่เลี้ยงหน่วยความจำของ TCCS คือฟิวส์ EFI 15 A (บางรุ่น 20 A) แต่เครื่องยนต์เก่าญี่ปุ่นที่ใช้กับรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่า (Corolla) ตั้งแต่รุ่น AE92 ย้อนหลังไปจะใช้ฟิวส์ไฟเบรก (Stop 10 A) สำหรับไฟฟ้าเลี้ยงหน่วยความจำขั้ว BATT
เมื่อแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องแล้ว ถ้าต้องการลบรหัสข้อบกพร่องสามารถทำได้โดยการปิดสวิตช์จุดระเบิด (OFF) แล้วถอดฟิวส์ EFI ซึ่งเป็นไฟฟ้าเลี้ยงหน่วยความจำ (ไฟฟ้าเลี้ยงขั้ว BATT) เป็นเวลา 10 วินาที หรือมากกว่าถ้าอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นต่ำ อนึ่งโดยทั่วไปแล้วฟิวส์ไฟฟ้าที่เลี้ยงหน่วยความจำของ TCCS คือฟิวส์ EFI 15 A (บางรุ่น 20 A) แต่เครื่องยนต์เก่าญี่ปุ่นที่ใช้กับรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่า (Corolla) ตั้งแต่รุ่น AE92 ย้อนหลังไปจะใช้ฟิวส์ไฟเบรก (Stop 10 A) สำหรับไฟฟ้าเลี้ยงหน่วยความจำขั้ว BATT
ผมขอคำแนะนำหน่อยคับรถ 4afeผมวิ่งแล้วดับสตาร์ดติดวิ่งได้สักพักดับแล้วดับเมื่อเดิม เร่งได้ไม่เกิน2500rpm แล้วดับ ทำตามคำแนะนำที่ให้มาแล้ว โค้ดขึ้น 12,14 คับแต่พอขยับปักจานจ่ายติดเครื่องใหม่ สักพักพอรูปเครื่องโชร์เครื่องดับอีก พอเสียบเช็คโค้ด ไฟกับไปกระพริบที่รูป ABS แทนครับ ไม่กระพริบที่รูปเครื่องยนต์ ไฟรูปเครื่องติดค้าง แล้วก็สตาร์ดไม่ติดครับ ช่วยให้ความรู้ผมหน่อยคับ
ตอบลบดีมากคับมีประโยดมากคับ
ตอบลบคุณประเสริฐครับ ปัญหาที่คุณแจ้งมา เป็นสัญญาณ IGF ไม่ได้ส่งกลับไปที่กล่องหรือป่าวครับ
ตอบลบดีมากเรยคับ
ตอบลบใช้รถ suzuki grand Vitara ปี2004 มีปัญหาตอนนี้รถไม่ติดไฟไม่ออกหัวเทียน แรกเลยคือรถไดสตาทถ่านหมดจึงถอดไดมาเปลี่ยนถ่านเมื่อเปลี่ยนถ่านไดเสร็จก็นำไดสตาทใส่กลับคืนรถ ใส่เสร็จก็ลองสตาททีเดียวติดเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วก็ปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ5นาทีจึงดับเครื่องเพื่อที่จะสตาทใหม่ ครั้งที่2สตาท2ทีเครื่องยนต์ถึงติด จึงปล่อยให้เครื่องเดินประมาณ2นาทีจึงดับเครื่องยนต์เพื่อที่จะสตาทใหม่ ครั้งที่3นี้สตาทไมติดเลย จึงถอดปลั๊กหัวเทียนออกและนำหัวเทียนสำรองมาทดสอบว่ามีไฟออกหัวเทียนมั้ย ปรากฎว่าไฟไม่ออกหัวเทียน เช็กฟิวแล้วฟิวไม่ขาด แบบนี้อะไรเสียครับ
ตอบลบทำมาเข้าใจง่ายครับ
ตอบลบขอบคุณมากๆๆเลยครับ ความรู้ล้วนๆๆ
ตอบลบรถผมดีแม็ค2011วิ่งๆๆดับคับจะสดุดที่รอบ1000ถึง2000คับถ้าเกิดจากนี้จะวิ่งได้คับอยากทราบสาเหตุคับ
ตอบลบรถดีแม้คปี2011วิ่งๆๆดับพอติดเครื่องก้วิ่งได้ต่อแล้วก้ดับอีกคับจะสะดุดที่รอบ1000ถึง2000คับถ้าเกินกว่านี้จะเหยียบขึ้นคับ
ตอบลบTRIP A หมายถึงเครื่องมีปันหาอะไรคับ
ตอบลบOBO B
โตโยต้า(สามห่วง) สปีดเซนเซอร์ (Speed Sensor) ข้างเกียร์ออโต็ละลาย ตามอายุกาล มี 3 สาย ต่่อไม่ถูก ช่วยด้วยครับ
ตอบลบ